วันจันทร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2553

PRESENT TENSE ปัจจุบันกาล

1. Present Simple Tense (ปัจจุบันกาลธรรมดา)

Subject + Verb (1) หรือเติม s, es

โครงสร้าง

การใช้ปัจจุบันกาลธรรมดา

1. ใช้กับเหตุการณ์ที่เป็นจริงเสมอ เช่น โลกหมุนรอบดวงอาทิตย์

The earth moves around the sun.

2. ใช้กับเหตุการณ์ที่ทำเป็นปกตินิสัย หรือเหตุการณ์ที่เป็นปัจจุบันกาล ซึ่งมักจะมีคำเหล่านี้

เช่น always, usually, often, sometimes, nearly etc.

I often get up very early. (ฉันตื่นนอนแต่เช้าตรู่อยู่บ่อยๆ)

(เติม S ที่ moves เพราะ The earth เป็นเอกพจน์คือสิ่งเดียว)

*หมายเหตุ

คำว่า Verb (1) นั้นหมายถึงกริยาช่องที่ 1 นั่นเอง เพราะในภาษาอังกฤษมีกริยา อยู่ถึง 3 ช่อง แต่ละช่องก็ใช้ต่างกัน คือ ช่องที่ 1 ใช้กับ ปัจจุบันกาล ช่องที่ 2ใช้กับ อดีตกาล และช่องที่ 3 เป็นพวก Past Participle ใช้กับ กาลสมบูรณ์ (Perfect Tenses) ถ้าต้องการรู้รายละเอียดเรื่อง กริยา ต่างๆ ควรไปศึกษาเพิ่มเติมเรื่อง “Regular Verbs, Irregular Verbs” ซึ่งแปลว่า “ปกติกริยา และ อปกติกริยา

2. Present Continuous Tense (ปัจจุบันกาลกำลังกระทำอยู่)

Subject + is, am, are + Verb + ing

โครงสร้าง

กาลใช้ปัจจุบันกาลกำลังกระทำอยู่

1. ใช้กับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะที่พูด ให้สังเกตคำลงท้ายของกริยา คือ –ing

เช่น I am writing a letter. แปลว่า “ฉันกำลังเขียนจดหมาย”

2. ใช้แทน (Future Tense) เพื่อแสดงว่าการกระทำนั้นจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ เช่น ฉันจะไปเชียงใหม่เย็นนี้ เขียนเป็นภาษาอังกฤษว่า

I am leaving for Chiang Mai this evening.

3. Present Perfect Tense (ปัจจุบันกาลสมบูรณ์)

Subject + has, have, + Verb (3)

โครงสร้าง

กาลใช้ปัจจุบันกาลสมบูรณ์

1. ใช้กับเหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นแล้วในอดีต และยังคงดำเนินต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันแม้ในขณะที่พูดอยู่นั้น โดยมากจะมีคำเหล่านี้อยู่ด้วย for, since เช่น

I have lived here since 1975.

- ฉันอยู่ที่นี่มาตั้งแต่ปี 1975

2. ใช้กับเหตุการณ์ ที่ได้เกิดขึ้นแล้วในอดีต แต่ไม่ได้กำหนดลงไปว่าเมื่อใดแน่

เช่น I have visited Lamphun many times.

- ฉันไปลำพูนมาหลายครั้งแล้ว

4. Present Perfect Continuous Tense (ปัจจุบันกาลสมบูรณ์แต่กำลังกระทำอยู่)

Subject + has, have + been + V-ing

โครงสร้าง

กาลใช้ปัจจุบันกาลสมบูรณ์แต่กำลังกระทำอยู่

ใช้กับเหตุการณ์ที่ดำเนินมาเรื่อยๆ ไม่ขาดตอนจากอดีตและดำเนินเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน และโดยมากก็จะมีคำว่า since และ for อยู่ด้วยเช่นกัน เช่น

I have been living in this city for 10 years.

- ฉันได้อยู่ในเมืองนี้มากกกว่า 10 ปีแล้ว (อยู่ที่นี่มาตลอดไม่เคยย้ายไปไหนเลย)

*หมายเหตุ

แตกต่างจาก กาลที่ 3 ตรงที่ กาลที่ 4 นี้เน้นเรื่องการต่อเนื่องและไม่ขาดตอนของกรกระทำหรือเหตุการณ์เป็นหลัก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น