ในการสนทนากันนั้น ถ้าปราศจากการถามตอบกันเสียแล้ว ก็คงจะไม่มีรสชาติเป็น หรือไม่ก็เป็นการสนทนาที่ไม่สมบูรณ์แบบ ดังนั้นเพื่อความสมบูรณ์แบบของการศึกษาภาษาอังกฤษ เราจำเป็นต้องรู้จักโครงสร้างของประโยคคำถามและคำตอบ
การตั้งคำถาม
โครงสร้างของประโยคคำถาม
1. สร้างประโยคคำถามโดยใช้คำแสดงคำถาม (Question words)
เช่น
1 2 3 4
คำแสดงคำถาม + กริยาช่วย + ประธาน + กริยาแท้
เช่น
What + do + you + want?
คำแสดงคำถามได้แก่
what (ว็อท) = อะไร
why (วาย) = ทำไม
where (แวร์) = ที่ไหน
when (เว็น) = เมื่อไหร่
who (ฮู) = ใคร whom (ฮูม) = ใคร whose (ฮูส) = ของใคร
Which (วิช) = อันไหน
how (ฮาว) = อย่างไร
รูปแบบของกริยาช่วย
1. Verb to be (เวิบ ทู บี) ได้แก่
Is (อีส) am (แอม) are (อาร์) = ปัจจุบันกาล
was (วอส) were (เวอร์) = อดีตกาล
2. Verb to have (เวิบ ทู แฮ็ฟ) ได้แก่
has (แฮส) have (แฮ็ฟ) = ปัจจุบันกาล
had (แฮด) = อดีตกาล
3. Verb to do (เวิบ ทู ดู) ได้แก่
do (ดู) dose (ด๊าส) = ปัจจุบันกาล
did (ดิด) = อดีตกาล
นอกาจากนี้ยังมีกริยาช่วยประเภทอื่น เช่น
can (แคน) - could (คูด)
will (วิล) - would (วูด)
shall (แชล) - should (ชูด)
2. สร้างประโยคคำถามด้วยการใช้กริยามานำหน้าประโยค เช่น
1. Can you speak English?
(แคน ยู สปีค อิงลิข)
คุณพูดภาษาอังกฤษได้ไหม
2. Is he a good man? (อีส ฮี อะ กูด แมน)
เขาเป็นคนดีหรือเปล่า
โครงสร้าง กริยาช่วย + ประธาน + ส่วนประกอบประโยคหรือกริยาแท้ + กรรม
3. สร้างประโยคคำถามโดยการออกเสียงสูงท้ายประโยคหรือใช้เครื่องหมายคำถาม (Question mark) ท้ายประโยคในภาษาเขียน เช่น
You can speak English?
(ยู แคน สปีค อิงลิช)
คุณพูดภาษาอังกฤษได้ไหม
การตอบคำถาม
1. การตอบประโยคคำถามที่ใช้คำแสดงคำถาม (Question words) มาขึ้นต้นประโยค ทำได้โดยลักษณะนี้
ถาม : What do you want?
ตอบ : I want a pen.
ถาม : Who are you?
ตอบ : I am a teacher.
*ข้อสังเกต
การตอบคำถามในลักษณะประโยคเช่นนี้ไม่ได้ตอบด้วย Yes หรือ No แต่เป็นการตอบโดยใช้ประโยคบอกเล่าธรรมดานี่เอง
2. การตอบประโยคคำถามที่ใช้กริยาช่วยมานำหน้าประโยค ต้องตอบด้วย Yes หรือ No เช่น
ถาม : Are you a thacher?
ตอบ : Yes, I am/No, I am not.
ถาม : Can you speak English?
ตอบ : Yes, I can/No, I cannot.
3. ในกรณีที่ตอบ คำถามไม่ได้ ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุด็แล้วแต่ เช่น พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ไม่มีความรู้ในเรื่องนั้น หรือไม่เข้าใจคำถาม พึงตอบดังนี้
1. Sorry, I can’t hear you. (ซอรี่ ไอ ค้านท เฮียร์ ยู)
ขอโทษครับ ผมไม่ได้ยินที่คุณพูด
2. I’m sorry I can’t speak English.
(ไอม ซอรี่ ไอ ค้านท สปีค อิงลิช)
ขอโทษครับ ผมพูดภาษาอังกฤษไม่ได้
3. I’m afraid I don’t understand what you said.
(ไอม อะเฟรด ไอ โด้นท อันเดอร์สแตนด์ ว็อท ยู เซด)
ผมเกรงว่า ผมจะไม่เข้าใจในสิ่งที่คุณพูดครับ
4. Let me see. (เล็ท มี ซี)
ขอให้ผมคิดดูก่อน
5. Let me think for a moment.
(เล็ท มี ธิงค ฟอร์ อะ โมเม้นท)
ขอให้ผมคิดสักครู่ครับ
6. I’m sorry I don’t know.
(ไอม ซ้อรี่ ไอ โด้นท โนว)
ผมเสียใจ ผมไม่ทราบครับ
ดูตัวอย่างบทสนทนาประกอบบทนี้
ถาม : Where are you going?
ตอบ : I’m going to see my friend at his company.
ถาม : Do you want to buy anything for him?
ตอบ : Yes, I do.
ถาม : What do you want to buy?
ตอบ : I want to buy some fruits for him.
ตอบ : Then, you can buy it at the market over there.